อ่านหัวข้อก่อนหน้า :: อ่านหัวข้อถัดไป |
|
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
|
ID: 2298
pinky_polyploy |
 |
stage 1 |
ลงสนาม: 25 03 2008 |
Point: 68
|
Game Points: 0 |
|
|
|
ตอบเมื่อ: 01/04/2008 09:30 เรื่อง: การเตรียมยาต้ม ยาชง ยาดอง และยาลูกกลอน |
|
|
บริสุทธิ์ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ปริมาณของน้ำที่ใช้ต้มยานั้นต้องขึ้นอยู่กับปริมาณของยา โดยปกติก็จะใส่น้ำให้พอท่วมตัวยาที่มีอยู่ ภาชนะที่ใช้ในการต้มยานั้นควรเป็นภาชนะดินเผาหรือหม้อเคลือบก็ใช้ได้เช่นกัน ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เช่น เหล็ก เพราะจะทำให้สาร "แทนนิน" ที่มักพบในพืชสมุนไพรทำปฏิกิริยากับโลหะได้ ซึ่งจะมีผลต่อฤทธิ์ของยาได้
2. การเตรียมยาสมุนไพร
ยาสมุนไพรที่ใช้ต้มควรหั่นเป็นชิ้นพอดี ถ้าเป็นแก่นก็หั่นเป็นชิ้นเท่าๆกัน ถ้าเป็นใบใหญ่ เช่น ชุมเห็ดเทศให้หั่นเป็นฝอย แต่ถ้าเป็นใบเล็ก เช่น ฟ้าทะลาย กะเพรา ก็ให้ใช้ทั้งใบเลย ขนาดไม่ควรเล็กจนเกินไป เพราะจะทำให้กรองยาต้มยากและเวลาต้ม อาจจะเกิดการไหม้ได้ง่าย
3. การต้มยา
ให้เติมน้ำสะอาดลงไปในตัวยา คนให้เข้าด้วยกัน แช่ทิ้งไว้ 20-30 นาทีก่อนต้มเพื่อให้ยาสมุนไพรดูดซึมน้ำได้เต็มที่ (แต่ถ้าเป็นพืชสมุนไพรสดๆ ก็ไม่ต้องแช่น้ำ ใช้ไฟขนาดกลางต้มจนเดือด ใช้เวลาต้มไปสัก 15 - 20 นาทีก็พอ
เวลาที่น้ำเดือดจะต้องคอยคนดูแลยาต้มให้ดี ระวังอย่าให้ยาไหม้ที่ก้นหม้อได้ (ในการต้มยาไทย ส่วนมากจะต้ม 3 เอา 1 คือ ใส่น้ำลงไป 3 ส่วนของปริมาณที่ต้องการใช้ แล้วต้มให้น้ำเหลือ 1 ส่วน) ยาต้มควรรับประทานในเวลาท้องว่างส่วนจำนวนครั้ง และปริมาณก็ให้เป็นไปตามกำหนดในวิธีใช้ยา
หมายเหตุ
ยาต้มทั่วไปไม่ควรทิ้งเอาไว้ค้างคืน ต้มแล้วรับประทานให้หมดภายในวันเดียว |
|
ขึ้นไปข้างบน |
|
 |
|
ID: 2298
pinky_polyploy |
 |
stage 1 |
ลงสนาม: 25 03 2008 |
Point: 68
|
Game Points: 0 |
|
|
|
ตอบเมื่อ: 01/04/2008 09:30 เรื่อง: |
|
|
ยาชง
ยาชงเป็นรูปแบบหนึ่งที่เตรียมยาได้ง่าย สะดวกดี ส่วนมากเป็นการใช้ยาสมุนไพรแห้งและเติมน้ำร้อนเป็นตัวทำละลายข้อดีของยาชงก็คือ มีการดูดซึมได้ง่าย มักจะเป็นยาที่มีกลิ่นหอมและรสชาติก็ดีอีกด้วย
วิธีการเตรียมยา
ยาชงส่วนใหญ่เป็นการนำเอาส่วนของพืชสมุนไพรมาใช้ เช่น หญ้าหนวดแมว ใบชุมเห็ดเทศ กลีบรองดอกของดอกกระเจี๊ยบมาล้างให้สะอาดเสียก่อน แล้วจัดการผึ่งลง เอาไว้ให้แห้ง บางชนิดอาจเอามาคั่วหรือปิ้งไฟก็ได้
เติมน้ำเดือดลงไปในสมุนไพรนั้น ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที ก็ใช้ได้ อย่าทิ้งยาชงเอาไว้นานเกินไปเพราะจะทำให้สรรพคุณของยาออกฤทธิ์เปลี่ยนแปลงไป กลิ่นรสอาจจะเสียไปอีกด้วย |
|
ขึ้นไปข้างบน |
|
 |
|
ID: 2298
pinky_polyploy |
 |
stage 1 |
ลงสนาม: 25 03 2008 |
Point: 68
|
Game Points: 0 |
|
|
|
ตอบเมื่อ: 01/04/2008 09:31 เรื่อง: |
|
|
ยาลูกกลอน
ยาลูกกลอนเป็นยาอัดรูปหนึ่งของยาสมุนไพร ลักษณะรูปร่างเป็นเม็ดกลมๆ อาจทำมาจากผงยาชนิดเดียวกันหรือมีหลายชนิดผสมเข้าด้วยกัน ผสมสารบางอย่างที่ทำให้ตัวยาที่เป็นผงเกาะติดกันดี เช่น น้ำ แป้งละลายน้ำ หรือน้ำผึ้ง เป็นต้น
ยาลูกกลอนที่เอาน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมก็ทำมาจากผงยา เอาน้ำผึ้งมาผสมเข้าด้วยกัน
มีรูปลักษณะเป็นรูปกลมๆ มีน้ำอยู่น้อย การแตกตัวจึงช้าออกฤทธิ์ได้นาน น้ำผึ้งที่ใช้ผสมช่วย ปรับรสและช่วยบำรุงร่างกายด้วย ยานี้มักใช้เป็นยารักษาโรคเรื้อรังและโรคที่ต้องการบำรุงร่างกายด้วย
แต่มีข้อเสียอยู่ที่ยาลูกกลอนจะต้องใช้น้ำผึ้งเป็นปริมาณมากสักหน่อย และจะต้องเป็นน้ำผึ้งแท้อีกด้วยราคาต้นทุนจึงสูงกว่าปกติธรรมดาของยาลูกกลอนโดยทั่วไป
การเตรียมยาลูกกลอนน้ำผึ้ง
1.ขั้นตอนการเคี่ยวน้ำผึ้ง
นับว่าเป็นวิธีการที่สำคัญมาก การเคี่ยวน้ำผึ้งก็มีประโยชน์ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดี เป็นการไล่เอาน้ำที่มีอยู่ในน้ำผึ้งออกไปอีกด้วย จึงทำให้ยาลูกกลอนไม่ขึ้นรา
การเคี่ยวน้ำผึ้งปฏิบัติได้ดังนี้
- เอาน้ำผึ้งใส่หม้อที่เตรียมไว้ โดยทั่วไปอัตราส่วนระหว่างน้ำผึ้งต่อยาผงที่จะใช้ผสม ก็เป็น 1 : 1(โดยน้ำหนัก) การใช้น้ำผึ้งมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของผงยาที่ใช้ด้วย
- ช่วงแรกของการเคี่ยวน้ำผึ้งจะต้องใช้ไฟแรง เอาน้ำเดือดปริมาณ1/3 - 1/4 ของน้ำหนักน้ำผึ้งใส่ลงไปด้วย จัดการคนให้เข้ากันดี เคี่ยวไปจนน้ำผึ้งเหนียว ลักษณะของน้ำผึ้งที่เคี่ยวได้ที่แล้วจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ไม่แตกแยกออก จะรวมตัวด้วยกัน หากหยดน้ำผึ้งลงไปในน้ำแล้วน้ำผึ้งยังเหนียวไม่แข็งไม่จับกันเป็นก้อน ก็จะต้องเคี่ยวต่อไป แล้วทดลองอีกครั้งจนได้ที่
- เมื่อเคี่ยวน้ำผึ้งจนได้ที่แล้ว ให้ยกลงจากเตาได้ กรองด้วยผ้าขาวบางกวนไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำผึ้งเริ่มเย็น เมื่อเย็นแล้วจึงเอาไปผสมกับยาผงต่อไปอีกตามขั้นตอน
2.การผสมน้ำผึ้งกับยาผง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะยาจะเป็นเม็ดหรือไม่เป็นเม็ดก็ขึ้นอยู่กับการผสมน้ำผึ้งกับผงยานี้แหละ
- นำผง ที่ชั่งเตรียมเอาไว้ ใส่ลงไปในกาละมัง ที่แห้งสะอาด
- ตวงน้ำผึ้งที่เคี่ยวได้ที่แล้วค่อยๆ เทราดลงไปบนยาผลทีละน้อยๆเอามือที่สะอาดคลุกเคล้ายาผงให้เข้ากับน้ำผึ้ง เทราดน้ำผึ้งคลุกเคล้ากับยาผงไปเรื่อยๆ จนยาได้ที่ สังเกตได้จากยาที่คลุกเคล้าทดลองปั้นเป็นเม็ดดูด้วยมือว่าเป็นเม็ดหรือยัง บีบเม็ดยาที่ปั้นดูว่ายานี้แตกร่วนหรือไม่ ถ้ายานี้ไม่แตกร่วนเป็นเม็ดเกาะกันดีอยู่แสดงว่ายานี้ได้ที่แล้ว
- การปั้นเป็นเม็ดลูกกลอน
การปั้นยาลูกกลอนนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน จะต้องปั้นให้กลม และมีขนาดสม่ำเสมอกันด้วย ในการปั้นทำได้โดยค่อยๆ แบ่งยาที่ผสมเอาไว้ มาปั้นเป็นลูกกลอน ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.8 ซ.ม. เม็ดยาแห้งดีพอสมควรก็เก็บไว้ใน ขวดที่สะอาด มีฝาปิดอย่างมิดชิดก็ใช้ได้ |
|
ขึ้นไปข้างบน |
|
 |
|
ID: 2298
pinky_polyploy |
 |
stage 1 |
ลงสนาม: 25 03 2008 |
Point: 68
|
Game Points: 0 |
|
|
|
ตอบเมื่อ: 01/04/2008 09:32 เรื่อง: |
|
|
ยาดองเหล้า
ยาสมุนไพรอีกประเภทหนึ่งก็คือ "ยาดองเหล้า" นี่เอง ตัวยาสมุนไพรจะละลายในน้ำเหล้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ได้ดีมาก
ยาดองเหล้ามีวิธีการเตรียมดังนี้
1. นำเอาพืชสมุนไพรมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาไปตากหรืออบจนแห้งดี ใส่ลงไปในขวดโหลหรือไห เทเหล้าลงไปพอท่วมยา คนยานี้วันละ 1 ครั้งก็พอ ทิ้งเอาไว้สัก1 เดือน ก็รับประทานได้
2. วิธีการดองแบบร้อนก็ได้ การดองแบบร้อนทำให้ยาใช้ได้เร็ว คือ 1-2 สัปดาห์ก็ใช้ได้แล้ว
วิธีการดองโดยการดองพอท่วมยา นำภาชนะที่ใส่ยาดองเหล้า เช่น ขวด วางลงในหม้อที่ใส่น้ำเอาไว้ จัดการต้มน้ำให้เดือด แล้วเอาภาชนะที่ใส่ยาดอกเหล้าขึ้นมาปิดฝาให้สนิท ทิ้งเอาไว้ 1 - 2 สัปดาห์ ก็ใช้ได้
3. วิธีการที่แนะนำข้างต้นนี้เป็นวิธีการดองเหล้าเอาไว้รับประทานเอง รูปแบบของยาอีกแบบหนึ่งได้แก่นำมาพอก เป็นการใช้เหล้าเป็นน้ำกระสายยา โดยการเอาสมุนไพรมาตำให้ละเอียด แล้วเติมเหล้าพอให้ยาเอาฤทธิ์ดีขึ้น แล้วเอายาที่ได้ไปฟอกตามอวัยวะที่ต้องการใส่
4.ยาดองเหล้าโดยทั่วไปห้ามใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หญิงมีครรภ์ก็ห้ามใช้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจห้ามใช้หมดหรือผู้ที่แพ้เหล้าทั้งหลายมิฉะนั้นจะเกิดอันตรายขึ้นมาได้ |
|
ขึ้นไปข้างบน |
|
 |
|
ID: 598
waler |
 |
stage 11 |
ลงสนาม: 22 02 2013 |
Point: 3920
View My Character
|
Game Points: 97 |
|
|
|
ตอบเมื่อ: 01/04/2008 12:25 เรื่อง: |
|
|
ได้ความรู้รอบตัวมากขึ้น
ขอบคุณ  |
|
ขึ้นไปข้างบน |
|
 |
|